
รู้ไหมว่านอกเราจะเลือกกินอาหารที่เราชอบแล้วนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่มี คุณค่าทางโภชนาการ และที่สำคัญในหนึ่งวันจะต้องมีอาหารที่เพิ่มกากใยบ้างเพื่อขับเคลื่อนระบบของร่างกายในเป็นไปอย่างปกติ
อาหารที่มีกากใยที่เรากล่าวถึงนั้น คืออาหารที่มีโมเลกุลซับซ้อนมากจนน้ำย่อยในร่างกาย ไม่สามารถย่อยเส้นใยเหล่านี้ได้ เส้นใยจึงไม่ถูกดูดซึม ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เมื่อเรากินพืชผักที่มีเส้นใยอาหารเข้าไปร่างกายจะทำหน้าที่ย่อยสารอาหารในพืชผัก ซึ่งได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ ส่วนกากใยที่เหลืออยู่ที่ร่างกายย่อยไม่ได้จะผ่านออกไปยังลำไส้ใหญ่ และถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ
ซึ่งทางด้านกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ในหนึ่งวันเราควรรับประทานอาหารที่มีใยอาหารราวๆ 25 กรัมสำหรับผู้หญิง 38 กรัมสำหรับผู้ชาย (อายุไม่เกิน 50 ปี) ส่วนผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ควรกินใยอาหาร 21-30 กรัม
เราจะทราบปริมาณของใยอาหารที่เรารับประทานได้ ด้วยการดูที่ตารางโภชนาการบนฉลากของผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยพยายามเลือกอาหารที่มีใยอาหารมากกว่าในกรณีที่มีผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกัน และขอให้สบายใจได้ว่าใยอาหาร ยิ่งรับประทานยิ่งดี ยกเว้นกรณีของผู้สูงอายุที่อาจไม่ควรรับประทานมากกว่าเกินไป
วิธีเพิ่มใยอาหารในมื้ออาหารของแต่ละวัน
– กินผักผลไม้ให้มากๆ และกินพืชตระกูลถั่วให้หลากหลาย
– ควรกินผลไม้ทั้งเปลือก เช่น แอปเปิ้ล องุ่น ฝรั่ง
– กินผลไม้สดแทนการดื่มน้ำผลไม้คั้น (ส้มสด 1 ผล มีกากใยอาหารมากกว่าน้ำส้มคั้นถึง 6 เท่า)
– พยายามกินผักที่กินทั้งต้นและก้านได้ให้มากขึ้น เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง
– เติมถั่วต่างๆ ลงในอาหาร เช่น ในสลัด ต้มจืด หรือแกงต่างๆ
– ดื่มน้ำมากๆ เพราะเส้นใยอาหารจะทำงานได้ดีต้องมีน้ำช่วย
– สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับการกินผักสด ผลไม้มากๆ มาก่อน ควรจะเพิ่มปริมาณอาหารที่มีกากใยทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารเกิดอาการปั่นป่วน
เรียบเรียงโดย : herbtrick.com